วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 2




บันทึกอนุทินครั้งที่ 2
รายวิชา : (EAED3208) การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย 
                  Creative Art Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน : อาจารย์ กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
เมื่อวันที่ 21 มกราคม  พ.ศ. 2559
เวลา 08.30 - 13.30 น.


ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ
    •ทฤษฎีพัฒนาการ
           - พัฒนาการทางศิลปะของ โลเวนเฟลด์ (Lowenfeld
    •ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
           - ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด (Guilford)
           - ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
           - ทฤษฎีความรู้สองลักษณะ (สมอง สองซีก)
           - ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Gardner)
           - ทฤษฎีโอตา (Auta)

ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
          - ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
          - ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์
          - ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ
          - ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์
          - ทฤษฎีโอตา

ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด

ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
    •นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
    •ศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ตัวประกอบของสติปัญญา
          - เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
          - ความมีเหตุผล
          - การแก้ปัญหา

ความสามารถของสมอง

กิลฟอร์ด อธิบายความสามารถของสมองออกเป็น 3 มิติ

      คือ    มิติที่ 1 เนื้อหา
               มิติที่ 2 วิธีการคิด
               มิติที่ 3 ผลของการคิ


มิติที่ 1 เนื้อหา
    •มิติเกี่ยวกับ ข้อมูล หรือ สิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิด
    •สมอง รับข้อมูลเข้าไปคิด พิจารณา 4 ลักษณะ
           - ภาพ
           - สัญลักษณ์
           - ภาษา
           - พฤติกรรม


มิติที่ 2 วิธีการคิด
    •มิติที่แสดงลักษณะการทำงานของสมองใน 5 ลักษณะ
•          - การรู้จัก การเข้าใจ
           - การจำ
           - การคิดแบบอเนกนัย (คิดได้หลายรูปแบบ หลากหลาย)
           - การคิดแบบเอกนัย (ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)
           - การประเมินค่า


มิติที่ 3 ผลของการคิด
    •มิติที่แสดงถึงผลที่ได้จากการทำงานของสมอง จากมิติที่ 1 + มิติที่ 2
    •มี 6 ลักษณะ
             - หน่วย
             - จำพวก
             - ความสัมพันธ์
             - ระบบ
             - การแปลงรูป
             - การประยุกต์


ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
    •สรุป.....
          - เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา
          - ทำให้ทราบความสามารถของสมองที่แตกต่างกันถึง 120 ความสามารถ ตามแบบจำลองโครงสร้างทางสติปัญญาในลักษณะ 3 มิติ คือ มีเนื้อหา 4 มิติ  วิธีการคิด 5 มิติ และผลทางการคิด 6 มิติ
          ...รวมความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วย คือ วิธีการคิดอเนกนัย เป็นการคิดหลายทิศทาง หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล ซึ่งลักษณะความคิดนี้จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่


ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์

ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
    •นักจิตวิทยาและนักการศึกษาผู้มีชื่อเสียง ชาวอเมริกัน
    •เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่า ประกอบด้วย
           - ความคล่องแคล่วในการคิด
           - ความยืดหยุ่นในการคิด
           - ความริเริ่มในการคิด


ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์
    •แบ่งลำดับขั้นการคิดสร้างสรรค์ เป็น 5 ขั้น
           - ขั้นการค้นพบความจริง
           - ขั้นการค้นพบปัญหา
           - ขั้นการตั้งสมมุติฐาน
           - ขั้นการค้นพบคำตอบ
           - ขั้นยอมรับผลจากการค้นพบ
ขั้นที่ 1 การค้นพบความจริง
    •ป็นขั้นเริ่มต้น ค้นหาสาเหตุ
    •ในการทำงานเริ่มแรก ต้องมีการคิดค้น หรือหาข้อมูลต่างๆ จะเกิดความรู้สึกกังวล สับสน วุ่นวาย แล้วค่อยๆปรับตัว พยายามคิดหาสาเหตุ ว่าสิ่งที่ทำให้กังวลใจนั้น คืออะไร

ขั้นที่ 2 การค้นพบปัญหา
    •เป็นขั้นที่สามารถคิดได้ และ
    •เกิดความเข้าใจแล้วว่า ปัญหาคืออะไร

ขั้นที่ 3 การตั้งสมมุติฐาน
    •เมื่อรู้ปัญหาว่าคืออะไรจากขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 แล้วก็พยายามคิดแก้ปัญหา
    •หาทางออกโดยการตั้งสมมุติฐาน

ขั้นที่ 4 การค้นพบคำตอบ
    •เป็นการค้นพบคำตอบจากการตั้งสมมุติฐาน ด้วยวิธีการต่างๆอย่างหลากหลาย 

ขั้นที่ 5 ยอมรับผลการค้นพบ 
    •ค้นพบว่าสมมุติฐานที่ทดสอบไปในขั้นที่ 4 นั้น ได้ผลเป็นอย่างไร
    •สรุปว่าสมมุติฐานใดคือการแก้ปัญหา หรือทางออกที่ดีที่สุด

ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ 
    •สรุป.....ทอร์แรนซ์ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา หรือสิ่งที่ขาดหายไป แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวคิด ตั้งสมมุติฐาน ทดสอบสมมุติฐาน และเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ ทำให้เกิดแนวทางในในการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆต่อไป
    •ขั้นความคิดสร้างสรรค์นี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับขั้นการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ทอร์แรนซ์จึงเรียกขั้นการคิดสร้างสรรค์นี้ว่า กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ

      ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ
             • เป็นทฤษฎีที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะเป็นการค้นพบความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์
             • การทำงานของสมองสองซีก ทำงานแตกต่างกัน สมองซีกซ้าย ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล สมองซีกขวา ทำงานส่วนจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์

      ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ 
              • แพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธุศรี กล่าวว่า คนเรามีสมอง 2 ซีก
              • คือ...สมองซีกขวา ซึ่งเป็นส่วนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7 ปี
              • ส่วนสมองซีกซ้ายที่เป็นส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล จะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี และสมองจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเด็กอายุ 11-13 ปี
              • ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักได้รับการพัฒนาเพียงสมองซีกใดซีกหนึ่ง เป็นพิเศษ ไม่ให้ความสนใจการทำงานของสมองอีกซีกหนึ่งเท่าที่ควร

             ....ระบบการศึกษาส่วนใหญ่ มุ่งการพัฒนาสมองซีกซ้าย ด้วยการให้เด็กท่องจำ คำนวณ คิดเลข สรรหาถ้อยคำ วิเคราะห์ข้อมูล และอยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ขาดการสนับสนุนให้สมองซีกขวาพัฒนาควบคู่กันไป การคิดจินตนาการ การคิดแปลกใหม่ ความเป็นศิลปิน จึงไม่ค่อยมีโอกาสพัฒนา
              • นักการศึกษาและนักวิทยาศาสตร์ต่างให้ความสำคัญ และสนับสนุนการ ทำงานของสมอง 2 ซีกอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะบรรดางานค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ งานสร้างสรรค์ศิลปะ และความคิดแปลกใหม่ ล้วนเกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา
              • แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานของสมองสองซีก ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์และพัฒนาการจัดการศึกษา
                       - ผู้เรียนได้เรียนรู้และทำกิจกรรมแบบบูรณาการ
                       - มีการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ หรือ 4 MAT
                       - มีการทำกิจกรรมที่หลากหลาย



ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์  (Gardner)


        ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์
               • ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาการศึกษา ชาวอเมริกัน แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
               • ศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายของสติปัญญา
               • ผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญา ( ศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ )
               •ทฤษฎีพหุปัญญา จำแนกความสามารถหรือสติปัญญาของคนเอาไว้ 9 ด้าน ได้แก่
                        - ความสามารถด้านภาษา 
                        - ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์
                        - ความสามารถด้านดนตรี
                        - ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
                        - ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
                        - ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์ 
                        - ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
                        - ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา
                        - ความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา

1. ความสามารถด้านภาษา

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - เรียนรู้และเข้าใจคำพูดต่างๆได้เร็วเกินวัย
       - เลือกใช้คำได้หลากหลาย มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการพูดจูงใจ การโน้มน้าว การอธิบาย การเล่านิทาน การโต้เถียง การใช้เหตุผล ตลอดจนการเขียนข้อความบรรยาย เขียนสรุปจะทำได้ดีมาก เด็กจะมีลักษณะนิสัยชอบคิดชอบเขียน ความจำดี

2. ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - มีความถนัดเรื่องคณิตศาสตร์ เข้าใจเรื่องตัวเลขได้เร็ว
       - ใช้เงินเป็นและเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน
       - มีความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวเลข การคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การทดลอง การสำรวจ การเรียงลำดับเหตุการณ์ การใช้เหตุผล

3. ความสามารถด้านดนตรี

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - ถนัดและเก่งดนตรี
       - ชอบฟังเพลง ร้องเพลง และจำเนื้อเพลงได้เร็ว
       - ตอบสนองกับจังหวะดนตรีได้ดี เต้นตามจังหวะดนตรีได้
       - สนใจและสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นดนตรีเป็นพิเศษ เด็กจะมีลักษณะนิสัยอารมณ์ดี ชอบร้องชอบเต้น

4. ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
         - มีความสามารถในการเห็นภาพรวม
         - สามารถใช้พื้นที่ในการวาดภาพได้ดี ขนาดและสัดส่วนเหมาะสม
         - เข้าใจวิธีการลอกลาย
         - เขียนแผนที่ได้ดี เข้าใจเรื่องทิศทาง เส้นทาง
         - มองเห็นโลกในมุมที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง

5. ความสามารถด้านกีฬา และการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
      - มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง ชอบการวิ่งเล่น ออกกำลังกาย เต้นรำ
      - มีความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อได้ดี...ทั้งการเดิน ยืน นั่ง วิ่ง กระโดด มีทักษะการทรงตัวที่ดี
เด็กจะมีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความสุขกับการได้ใช้กำลังกาย

6. ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - ชอบบริการผู้อื่น ช่างเอาอกเอาใจ
       - ชอบช่วยเหลือเพื่อน
        - พูดจาไพเราะ มารยาทอ่อนหวาน น่ารัก
        - ปับตัวเข้ากับทุกคนได้ดี กล้าพูดกล้าแสดงออก ชอบพบปะผู้คนหลากหลาย ชอบเข้าสังคม ไม่กลัวคนแปลกหน้า
        - ชอบสังเกต มองเห็นความแตกต่างระหว่างบุคคล

7. ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
        - ชอบเรียนรู้ ค้นคว้า วิจัย
        - สามารถเขียนบันทึกประจำวันได้ดี
        - สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง มีความมุ่งมั่นพยายามในการหาคำตอบ
        - เข้าใจความรู้สึกของตนเอง อารมณ์มั่นคง

8. ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......

       - ชอบเรียนรู้ธรรมชาติ / สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
       - ชอบทัศนศึกษา ออกสำรวจโลกภายนอก
       - จิตใจดี รักสัตว์ รักต้นไม้ ชอบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์
       - ชอบสังเกตความแตกต่าง เปรียบเทียบสิ่งที่อยู่รอบตัว

9. ความสามารถในด้านการคิดพลิกแพลงแตกต่าง ในการแก้ปัญหา

เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - คิดไว มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
       - รู้จักเลือก หรือหาวิธีในการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
       - เป็นเด็กช่างคิด สามารถคิดค้นประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ
       - ไม่หยุดนิ่งทางความคิด ชอบเทคโนโลยี

ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา 
     • ปัญญา มีลักษณะเฉพาะด้าน
     • ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน ทั้ง 9 ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
     • ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
     • ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
     • ในปัญญาแต่ละด้าน ก็มีความสามรถหลายอย่าง

ทฤษฎีโอตา (AUTA)

         เดวิส (Davis) และซัลลิแวน (Sullivan) ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน  และสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ตามรูปแบบโอตา มีลำดับการพัฒนา 4 ขั้นตอน ได้แก่ การตระหนัก ความเข้าใจ เทคนิควิธี และการตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ

ขั้นตอนที่ 1 การตระหนัก
ต้องตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตนเอง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น
         - การพัฒนาปรีชาญาณ
         - การรู้จักและเข้าใจตนเอง
         - การมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
         - การมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ขั้นตอนที่ 2 ความเข้าใจ

มีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ.......
        - ความรู้และเนื้อหาเรื่องบุคลิกภาพของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
        - ลักษณะกระบวนการความคิดสร้างสรรค์
        - ทฤษฏีความคิดสร้างสรรค์
        - เทคนิค วิธีการฝึกความคิดสร้างสรรค์

ขั้นตอนที่ 3 เทคนิควิธี

      การรู้เทคนิควิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทั้งที่เป็นเทคนิคส่วนบุคคลและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน.......
            - เทคนิควิธีการในการฝึกความคิดสร้างสรรค์
            - การระดมสมอง
            - การคิดเชิงเปรียบเทียบ
            - การฝึกจินตนาการ

ขั้นตอนที่ 4 การตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ

         การรู้จักหรือตระหนักในตนเอง พอใจในตนเอง สามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง.......
            - เปิดกว้างรับประสบการณ์ต่างๆ โดยปรับตัวอย่างเหมาะสม
            - มีความคิดริเริ่มและผลิตผลงานด้วยตนเอง
            - สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม 

พัฒนาการทางศิลปะ 

วงจรของการขีดๆเขียนๆ 
        • เคลล็อก (Kellogg) ศึกษางานขีดๆเขียนๆของเด็กปฐมวัย และจำแนกขั้นตอนออกเป็น 4 ขั้นตอน ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานขีดๆเขียนๆทางศิลปะที่มีผลเชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็ก 4 ขั้นตอน มีดังนี้ ขั้นขีดเขี่ย ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง ขั้นรู้จักออกแบบ และขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ

ขั้นที่ 1 ขั้นขีดเขี่ย (placement stage) 
       • เด็กวัย 2 ขวบ
       • ขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ
       • ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้าง โค้งบ้าง
       •ขีดโดยปราศจากการควบคุม


ขั้นที่ 2 ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง (shape stage) 
       • เด็กวัย 3 ขวบ
       • การขีดๆเขียนๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น
       • เขียนวงกลมได้
       • ควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น
ขั้นที่ 3 ขั้นรู้จักออกแบบ (design stage) 
       • เด็กวัย 4 ขวบ
       • ขีดๆเขียนๆที่เป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน
       • วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้
       • วาดสี่เหลี่ยมได้
ขั้นที่ 4 ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ (pictorial stage) 
          • เด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป
          • เริ่มแยกแยะวัตถุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้
          • รับรู้ความเป็นจริง เขียนภาพแสดงถึงภาพคน/ สัตว์ได้
          • ควบคุมการขีดเขียนได้ดี
          • วาดสามเหลี่ยมได้

พัฒนาการด้านร่างกาย 
       • กีเซลล์และคอร์บิน สรุปพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย ตามลักษณะพฤติกรรมทางการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ดังนี้
       • ด้านการตัด
             - อายุ 3-4 ปี ตัดกระดาษเป็นชิ้นส่วนได้
             - อายุ 4-5 ปี ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
             - อายุ 5-6 ปี ตัดกระดาษตามเส้นโค้งหรือรูปร่างต่างๆได้ 

พัฒนาการด้านร่างกาย 
      • การขีดเขียน
              - อายุ 3-4 ปี เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
              - อายุ 4-5 ปี เขียนรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตามแบบได้
              - อายุ 5-6 ปี เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
      • การพับ

               - อายุ 3-4 ปี พับและรีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
               - อายุ 4-5 ปี พับและรีดสันกระดาษสามทบตามแบบได้
               - อายุ 5-6 ปี พับและรีดสันกระดาษได้คล่องแคล่ว หลายแบบ 
       • การวาด
               - อายุ 3-4 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ขา ปาก
               - อายุ 4-5 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
               - อายุ 5-6 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก แขน มือ คอ ผม

     


                                           



มอบหมายงาน

        • เตรียมอ่านหนังสือศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย บทที่ 3
                  - ความมุ่งหมาย
                  - บทบาทครูศิลปะ
                  - การเตรียมการสอนศิลปะ
                  - เทคนิควิธีการสอนศิลปะ

  สร้างสรรค์ผลงาน....การเล่นสี เทคนิคการเล่นสีรูปแบบต่างๆ........




ทักษะความรู้ที่ได้รับ

         - ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
         - การวางแผนในการทำกิจกรรม
         - การแก้ปัญหา
         - วิธีการทำกิจกรรมต่างๆ

การประยุกต์ใช้

        - สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เพื่อเสริมทักษะให้แก่เด็กปฐมวัย ให้มีทักษะที่พึงประสงค์และเป็นไปตามวัย และยังช่วยพัฒนาด้านอารมณ์-จิตใต ด้านสังคม ด้านสติปัญญา ด้านร่างกาย ให้เป็นไปตามความเหมาะสมตามวัยนั้นๆของเด็กปฐมวัยอีกด้วย
         
เทคนิคการสอน

         - ยืดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
         - เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมนั้นๆด้วยตัวเอง

การประเมิน

        ตนเอง
             - แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำกิจกรรม เข้าเรียนตรงต่อเวลา

        เพื่อน
             - ตั้งใจเรียน แต่งกายเรียบร้อย เข้าร่วมกิจกรรมเสมอ

        ผู้สอน
             - แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เข้าสอนตรงต่อเวลา พูดจาไพเราะ ให้ความสำคัญ ความสนใจกับกิจกรรมที่นักศึกษากำลังลงมือทำ


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น